ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการปรับปรุง (Feed forward)

feather-calendarPosted on 30 มีนาคม 2022 document PedagogyInterventionคลังความรู้
แชร์

“การให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน”

การประเมินเพื่อการปรับปรุงหรือการประเมินระหว่างการเรียน (formative assessment) เป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาผู้เรียนในระหว่างกระบวนการเรียนรู้ และช่วยให้ผู้สอนเห็นว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ ผู้เรียนมีความเข้าใจมากน้อยเพียงใดและผู้เรียนมีสมรรถนะที่พึงประสงค์ในระดับใด

เป็นการให้ข้อมูลในลักษณะข้อความ เสียง รูปภาพหรือสัญลักษณ์ หลังจากการประเมินการเรียน เพื่อให้ผู้เรียนทราบ

ผลการทดสอบของตนเองว่าถูกต้องหรือไม่

ตนเองมีจุดอ่อน/ข้อบกพร่องตรงไหนและนำไปสู่การปรับปรุง

รับรู้ถึงความก้าวหน้าของตนและเป็นการเสริมสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาความสามารถต่อไป

การให้ข้อมูลป้อนกลับที่ประสบความสำเร็จ

ประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 4 ด้าน ดังนี้

1) การให้ข้อมูลป้อนกลับทันที (Timeliness of feedback)

เพื่อให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องได้อย่างต่อเนื่องจากการเรียนในห้องเรียน ทั้งนี้ผู้สอนควรให้ข้อมูลป้อนกลับอย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงผู้เรียนทุกคน

2) การให้ข้อมูลป้อนกลับที่มีคุณภาพ (Quality of feedback)

จะช่วยในการพัฒนาผลงานของผู้เรียนในอนาคต หากการให้ข้อมูลป้อนกลับเป็นเพียงคะแนนเท่านั้นอาจทำให้ความสนใจต่อการประเมินลดลงเนื่องจากผู้เรียนไม่ทราบว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนใดบ้าง

3) การให้ข้อมูลป้อนกลับไม่ซ้ำซ้อนในประเด็นเดียวกัน

การให้ข้อมูลป้อนกลับของผู้สอนไม่ควรให้ข้อเสนอแนะที่ย้ำความผิดพลาดซ้ำ

4) การให้ข้อมูลป้อนกลับที่เข้าใจได้ง่าย

ไม่วิพากษ์มากเกินไป ไม่เน้นจุดเฉพาะ ไม่ระบุสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้หรือไม่ระบุถ้อยคำที่ผู้เรียนไม่เข้าใจ ซึ่งจะส่งผลกระทบทางลบต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน

รูปแบบการให้ข้อมูลป้อนกลับ

สามารจำแนกตามระดับของรายละเอียดในการให้ข้อมูล ดังนี้

1) การให้ข้อมูลป้อนกลับแบบบอกผลการกระทำ (Knowledge of Result Feedback; KORE หมายถึง ข้อมูลป้อนกลับแบบเฉลยคำตอบ (Correct/Incorrect Message) ซึ่งจะบอกผู้เรียนว่าคำตอบของ ผู้เรียนถูกหรือผิด ถ้าผิดจะมีการเฉลยคำตอบ

2) การให้ข้อมูลป้อนกลับแบบบอกคำตอบที่ถูกต้อง (Corrective Feedback หรือ Knowledge of Corrective Result Feedback; KCRF) หมายถึง การให้ข้อมูลป้อนกลับที่ให้ข้อมูลหรืออธิบายเกี่ยวกับการ กระทำของผู้เรียนว่าถูกหรือผิด พร้อมทั้งบอกแนวทางที่ถูกต้องให้กับผู้เรียน

3) การให้ข้อมูลป้อนกลับแบบแสดงรายละเอียด (Elaborated Feedback/Explanatory Feedback) หมายถึง การบอกข้อมูลผลการตอบคำถามของผู้เรียนว่ามีความถูกต้องหรือไม่ อธิบาย รายละเอียดว่าทำไมคำตอบที่ถูกจึงถูกหรือทำไมคำตอบที่ผิดจึงผิด อีกทั้งยังบอกขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างละเอียดและหลากหลายวิธี

Hattie & Timperley (2007) Gorard & Siddiqui (2016) ได้จัดประเภทการให้ข้อมูลป้อนกลับไว้ในโมเดล A Model of Feedback to Enhance Learning ซึ่งประกอบด้วย

1) Where am I going? (Feed up) เป็นการให้ข้อมูลป้อนกลับในประเด็นที่เน้นสิ่งที่ผู้ถูกประเมินควรจะทราบความถูกหรือผิดของข้อมูลที่กำลังวัด

2) How am I going? (Feedback) บอกวิธีการแก้ไข/ปรับปรุง/พัฒนาชิ้นงาน รวมถึงวิธีการค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาศักยภาพของตน

3) Where to next? (Feed forward) การข้อมูลป้อนกลับเพื่อชี้แนะแนวทางในการต่อยอดและพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน

ตัวอย่างการให้ข้อมูลป้อนกลับแบบเสียง

การให้ข้อมูลป้อนกลับFeed upFeedbackFeed forward
สถานการณ์:
เมื่อนักศึกษา
เขียนโปรแกรมยืมคืนหนังสือห้องสมุด
ใช่เลย ลำดับความคิดถูกต้องแล้ว โปรแกรมดำเนินงานได้ดีค่ะโปรแกรมโอเคแล้วนะคะ ถ้าอยากให้โปรแกรมดำเนินงานเร็วขึ้นสามารถหา  syntax เพิ่มได้ใน stock workflow นะคะครูคิดว่า ส่วนนี้ที่นักศึกษาทำมาสามารถต่อยอดเป็นแอฟพลิเคชั่นเพื่อนำไปใช้จริงได้เลยนะคะ

มิติความรู้ของ Bloom’s Taxonomy

ประกอบด้วย

1) ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงและความรู้เชิงมโนทัศน์ (Factual Knowledge & Conceptual Knowledge) คือการมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเนื้อหา และเข้าใจความสัมพันธ์ จัดประเภท หลักการของเรื่องที่กำลังศึกษา

2) ความรู้ในการดำเนินการ (Procedural Knowledge) คือ การเข้าใจเทคนิคการทำงาน ทักษะเฉพาะ และ

3) ความรู้อภิปัญญา (Metacognitive Knowledge) คือ ความรู้ความเข้าใจ สรุปความคิด สามารถแก้ปัญหาภายใต้เงื่อนไข และทราบจุดแข็งจุดอ่อนตนเอง

ผู้สอนสามารถนำมิติความรู้ดังกล่าว  มาปรับใช้ในกระบวนการสอบถาม การกำกับตนเองในการให้ข้อมูลป้อนกลับได้

การให้โจทย์และการให้ข้อมูลป้อนกลับที่มีประสิทธิภาพตามมิติความรู้ของ Bloom’s Taxonomy

มิติความรู้การให้โจทย์และการให้ข้อมูลป้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ
Feed upFeedbackFeed forward
ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงและความรู้เชิงมโนทัศน์ (Factual Knowledge & Conceptual Knowledge)    ก่อนมอบหมายงานจะยกตัวอย่าง “ให้ผู้เรียนบอกอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร และให้นักเรียนจัดลำดับพร้อมทั้งอธิบายเหตุผล”เมื่อทำการตรวจงานนักเรียน จะหลีกเลี่ยงการการตรวจและเฉลยทีละข้อ แต่จะให้นักเรียนทราบจำนวนข้อที่ถูกและผิด เช่น “ถูกเจ็ดข้อ ผิดสามข้อ จงหาข้อที่ผิดและทำการแก้ไข”ให้ข้อมูลนักเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาเพิ่มเติมที่จำเป็นในการทำงานที่สั่ง “ความจำเป็นที่ต้องทราบเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” ภาพหลังการเรียนเรื่อง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ความรู้ในการดำเนินการ
(Procedural Knowledge)
ให้นักเรียนมีอิสระในการออกแบบคำตอบของพวกเขาช่วยเหลือนักเรียนโดยการให้คำสั่งที่เฉพาะเจาะจงแก่นักเรียน เช่น “ไม่ควรลืมระบุประเด็น หลักฐาน และคำอธิบาย ควรมีคำอธิบายของประเด็นต่างๆ ในงานของนักเรียน”บอกนักเรียนว่า “ลองดูหัวข้อถัดไปของหนังสือเรื่องของสมการกำลังสอง อะไรคือขั้นตอนที่ใช้ในการแก้โจทย์สมการ เราจะเรียนส่วนถัดมากันในลำดับต่อไป”
ความรู้อภิปัญญา
(Metacognitive Knowledge)  
ให้ตัวอย่างของงานแล้วถามนักเรียนถึงเงื่อนไขในการสร้างสรรค์ผลงานที่ “โดดเด่น”ให้ความสำเร็จก่อนจะส่งงาน ให้นักเรียนประเมินตนเองหรือให้เพื่อนประเมินงานโดยใช้เงื่อนไขหรือข้อชี้แนะในการปรับปรุงงานนักเรียนควรสร้างแผนการดำเนินงานสำหรับขั้นตอนต่อไปของโครงการด้วยตนเองหรือเป็นกลุ่มเพื่อยกระดับงานให้สูงขึ้น

ประโยชน์ของการให้ข้อมูลป้อนกลับชี้แนะเพื่อการปรับปรุง (Feed forward)

  • ผู้เรียนมีเป้าหมายในการทำงานที่ท้าทายความรู้ ความสามารถของตนมากขึ้น
  • ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการทำงาน เกิดความพยายามที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จ
  • ส่งเสริมการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองเพื่อก่อให้เกิดความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์

นอกจากการให้ข้อมูลป้อนกลับที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่กำลังเรียนรู้นั้น จะสามารถเพิ่มเติมรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนได้ดียิ่งขึ้น เช่น

การให้ข้อมูลป้อนกลับแบบจูงใจหรือเสริมแรง (Motivational Feedback) โดยให้การชมเชยหรือรางวัลเพื่อเสริมแรงให้ผู้เรียนเกิดความคงทนในการทำงานและสร้างกําลังใจในการเรียนรู้

การให้ข้อมูลป้อนกลับในเชิงบวก (Positive Feedback) การบรรยาย/อธิบายถึงพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ที่ได้รับข้อมูลป้อนกลับว่ามีพฤติกรรมที่ดีอย่างไร สิ่งใดเป็นการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลป้อนกลับเกิดแรงจูงใจที่จะปฏิบัติพฤติกรรมนั้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น

Reference:

Goldsmith, M. (2003). Try feedforward instead of feedback. Journal for Quality and Participation, 38-40.

Hattie, J., & Timperley, H. (2007). The power of feedback. Review of educational research77(1), 81-112.

Scherer, M. (Ed.). (2009). Engaging the whole child: Reflections on best practices in learning, teaching, and leadership. ASCD.

Penn, P., & Wells, I. (2017). Enhancing Feedback and Feed-Forward via Integrated Virtual Learning Environment Based Evaluation and Support. Psychology Teaching Review23(2), 60-65.

Sutton, P., & Gill, W. (2010). Engaging Feedback: Meaning, Identity and Power. Practitioner Research in Higher Education4(1), 3-13.

Govaerts, M. J., van de Wiel, M. W., & van der Vleuten, C. P. (2013). Quality of feedback following performance assessments: does assessor expertise matter?. European Journal of Training and Development. 37(1), 105-125.

Shute, V. J. (2008). Focus on formative feedback. Review of educational research78(1), 153-189.

Carless, D., Salter, D., Yang, M., & Lam, J. (2011). Developing sustainable feedback practices. Studies in higher education36(4), 395-407.

Carless, D. (2006). Differing perceptions in the feedback process. Studies in higher education31(2), 219-233.

See, B. H., Gorard, S., & Siddiqui, N. (2016). Teachers’ use of research evidence in practice: A pilot study of feedback to enhance learning. Educational Research58(1), 56-72.

Butler, A. (2022, March 1). When Feedback Met Bloom. https://leadinglearner.me/2013/12/08/when-feedback-meet-bloom/