บทความโดย อ.ปาณเลิศ ศิริวงศ์ สำนักงานวิชาศึกษาทั่วไป
1. ผู้สอน Design การสอนด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า บางครั้งสิ่งที่ผู้สอนคิดว่าง่าย แต่สำหรับผู้เรียนอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจหากไม่มีประสบการณ์มาก่อน
โดยส่วนใหญ่ผู้สอนมักคาดหวังว่าผู้เรียนจะมีความรู้ ทักษะพื้นฐาน มาก่อนเรียนในรายวิชาของตน แต่หลายครั้งพบว่าผู้เรียนไม่มีความพร้อมที่เพียงพอ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมีการประเมินความพร้อมของผู้เรียนก่อน ซึ่งผู้สอนสามารถจัดเตรียมได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำแบบทดสอบ (Pretest) เพื่อวัดความรู้พื้นฐานของผู้เรียน การทำ Student Persona เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรมาบ้างแล้ว มีวิธีการเรียนรู้อย่างไร เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบการสอนให้สามารถบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้ได้
2. ผู้เรียนเข้ามาด้วยประสบการณ์ต่างกัน งานหนึ่งงานอาจง่ายสำหรับบางคน
ผู้เรียนแต่ละคนมีความรู้ ทักษะพื้นฐานก่อนเรียนที่แตกต่างกัน หลังการประเมินความพร้อมก่อนเรียน ผู้สอนอาจเตรียมบทเรียนเบื้องต้น (Preparation course) ให้ผู้เรียนได้ศึกษา โดยสามารถจัดสรรเนื้อหาความรู้ให้สอดคล้องตามระดับการเรียนรู้ของผู้เรียนรายคนได้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของผู้เรียนทุกคนให้มีความรู้พื้นฐานใกล้เคียงกันก่อนเข้าบทเรียน
3. บ่อยครั้งที่ผู้เรียนส่งผลงานแล้วจะกังวลเรื่องเกรด ที่ตัวเขาไม่สามารถควบคุมได้ ทำอย่างไรให้ผู้เรียนมุ่งความสนใจไปที่การสร้างผลงานที่มีคุณภาพซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองควบคุมได้
เมื่อมอบหมายงาน ผู้เรียนมักมุ่งความสนใจไปที่วิธีการสร้างผลงานเพื่อให้ได้เกรดดี ๆ แต่อีกมุมมองในฐานะผู้สอนเอง มุ่งหวังให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ในระหว่างการสร้างผลงาน พร้อมทั้งคอยให้ผลสะท้อนกลับแก่ผู้เรียน จากมุมมองที่แตกต่างกันนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องมอบหมายงานและออกแบบวิธีการประเมินผลงานที่สามารถสะท้อนถึงกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริง โดยเกรดนั้นบ่งบอกถึงระดับความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ
4. การโชว์ผลงานที่เป็น End Product ไม่ได้ทำให้ผู้เรียนเห็น Process (ในบาง Assignment ที่จำเป็น)
การมอบหมายงานบางอย่าง หากผู้สอนมอบหมายโดยให้ผู้เรียนเห็นเฉพาะ Product สุดท้าย ผู้เรียนอาจจะไม่เข้าใจวิธีการ (Process) ได้มาซึ่งผลลัพธ์นั้น ดังนั้นผู้สอนจำเป็นต้องอธิบายกระบวนการให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างชิ้นงานนั้น ๆ
5. ขั้นตอนที่ผู้เรียนทำผิดหลายคนหรือหลายเทอม ขั้นตอนนั้นต้องถูกแก้ไข
หากผู้สอนพบสิ่งที่ผู้เรียนทำผิดพลาดซ้ำๆ ทั้งการผิดหลายคนหรือหลายเทอม ผู้สอนจำเป็นต้องวิเคราะห์หาสาเหตุของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วปรับปรุงแก้ไข ซึ่งสาเหตุนั้นเป็นไปได้หลายปัจจัย อาจไม่ได้เกิดจากความรู้ที่ไม่เพียงพอของผู้เรียน แต่เกิดจากการออกแบบกระบวนการสอนของผู้สอนเองก็เป็นได้
6. บางครั้งการปรับการสอนให้เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้เรียน จะสามารถทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาได้โดยไม่ต้องท่องจำ
ผู้สอนควรทำความเข้าใจว่าประสบการณ์ของตนเองกับผู้เรียนนั้นต่างกัน เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และความแตกต่างตามบริบทของผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนควรเชื่อมโยงเนื้อหาเข้ากับประสบการณ์ของผู้เรียน เช่น หากยกตัวอย่างกรณีศึกษา (Case study) เกี่ยวกับ Drive A มาสอน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผู้เรียนไม่รู้จักหรือไม่มีประสบการณ์การใช้งานมาก่อน อาจทำให้ไม่เข้าใจและไม่สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ได้
7. Learning Environment ด้านเวลา ในกรณีนี้กล่าวถึงช่วงเวลาของวันที่จัดการเรียนให้กับผู้เรียน วิชาที่เรียนตอนเช้าจะเป็นการวิชาที่ได้เปรียบหากอยู่ในห้องเรียน แต่หลังอาหารเที่ยงเป็นอะไรที่ท้าทาย
ผู้สอนควรคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านอุปกรณ์ เวลา สภาพร่างกาย เช่น หากวิชาของผู้สอนเป็นวิชาช่วงบ่าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย เนื่องจากเป็นการสอนหลังรับประทานอาหารกลางวัน และผู้เรียนอาจเกิดความเหนื่อยล้าจากการเรียนในช่วงเช้าแล้ว ดังนั้น ผู้สอนจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ได้
8. จัดการเรียนรู้ โดยมี Learning Tools ที่หลากหลายตาม Learning Style ใครถนัดแบบไหนก็เลือกแบบนั้น ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่ให้ทางเลือกในการเรียนรู้ แล้วนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มา Micro Teaching และ Connect the dots กันได้
ผู้เรียนแต่ละคนมีกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบการอ่าน บางคนชอบการฟัง ดังนั้นผู้สอนควรจัด Learning Activity ให้มีความหลากหลาย ที่ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความถนัดของตนเอง
9. การสร้าง Growth Mindset ซึ่งสำคัญมากในการพัฒนาตนเอง ทำอย่างไรเราจะทำให้ผู้เรียนไม่ถอดใจจากการวัดผล จริงๆ เราอาจต้องถามตัวเองว่าเราจะวัดผลอย่างไรที่จะไม่ทำลายกำลังใจในการเรียนรู้ที่จะพาผู้เรียนไปสู่เป้าหมาย
ผู้สอนควรตั้งเป้าหมายหรือ Learning Outcome โดยแบ่งเป็นเป้าหมายย่อย ค่อย ๆ เพิ่มความยากและท้ายทาสยไปทีละนิด เพื่อให้ผู้เรียนไม่รู้สึกท้อและกดดันจนเกินไป เมื่อบรรลุแต่ละเป้าหมายย่อย ๆ แล้ว ผู้สอนสามารถให้คำชี้แนะ ชมเชย หรือให้กำลังใจ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิด Growth Mindset และมีความพยายามในการบรรลุเป้าหมายในขั้นถัดไป