วิทยากรโดย
Mr.Naoki Matsumura และ Mr.Akihiro Tanabe
ผู้วิจัยเครื่องมือจากบริษัท Riasec Inc. ประเทศญี่ปุ่น
ผู้แปลโดย
อ.วิวัฒน์วงศ์ กีรติการุณย์ อาจารย์สอนภาษา โครงการ KOSEN KMUTT
เรียบเรียงโดย ทีม CELT
Generic skills คืออะไร?
Generic skills คือทักษะทั่วไปที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อให้สามารถปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งไทยและญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหานี้เช่นเดียวกัน
ทาง RIASEC ได้แบ่งโครงสร้างทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตและทักษะการถ่ายทอดออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่
Academic field skills คือ กลุ่มทักษะเฉพาะทางด้านวิชาการที่ใช้ในมหาวิทยาลัย
Common skills beyond academic field คือ กลุ่มทักษะทั่วไปนอกเหนือจากด้านวิชาการที่ใช้ในมหาวิทยาลัย
Occupation oriented skills คือ กลุ่มทักษะเฉพาะที่ใช้ในการทำงาน
Generic skill เป็นกลุ่มทักษะที่ไม่เจาะจงเฉพาะทาง สามารถเรียนรู้ได้ทั่วไป มีความสำคัญกับการทำงานและใช้ชีวิตในสังคม
องค์ประกอบของ PROG
ทางบริษัท RIASEC ได้คิดค้นเครื่องมือวัด Generic skills ขึ้นมาโดยมีชื่อย่อว่า “PROG” หรือชื่อเต็มคือ The powerful assessment that measures “Generic skills” โดยปัจจุบันได้มีความร่วมมือกับทางบริษัท Skill shape ของไทยเพื่อทำการวัดประเมิน Soft skill และ Competency ของนักศึกษาและคนวัยทำงาน
องค์ความรู้ที่ทาง RIASEC ได้มาจากการสำรวจในองค์กรต่าง ๆ ถึงทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานและใช้ชีวิต และนำมาวัดประเมินด้วย PROG ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาเป็นหลัก เรียกว่า “Literacy” และองค์ความรู้ในเรื่องที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา เรียกว่า“Competency”
ซึ่งเครื่องมือ PROG ที่จะใช้ในประเทศไทยนั้นจะวัดในส่วนของ Competency เท่านั้น
Competency ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ Teamwork skills, Personal skills, Problem solving skills มีรายละเอียด ดังนี้
Teamwork skills คือ กลุ่มทักษะในการทำงานร่วมกัน (Team work) หรือการสร้างความน่าเชื่อถือต่อผู้อื่น ประกอบด้วย
- Relating with others คือการสนใจ เอาใจใส่ และเชื่อใจผู้อื่น
- Collaborating with others คือการรู้จักบทบาท หน้าที่และช่วยเหลือกัน
- Team management คือการให้ความคิดเห็นและยกระดับศักยภาพของทีม
Personal skills คือ กลุ่มทักษะที่ควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ ประกอบด้วย
- Self control คือการที่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม
- Self confidence คือการรู้จักตัวเองและแสดงความมั่นใจออกมา
- Behavior control คือการทำงานด้วยความกระตือรือร้นและสำเร็จได้
Problem solving skills คือ ทักษะทางความคิดในการหาวิธีแก้ปัญหา ประกอบด้วย
- Problem identification คือการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง
- Planning solutions คือการตั้งเป้าหมายและวางแผนแก้ไขปัญหา
- Implementing solutions คือการใส่ความคิดลงมือแก้ไขปัญหาและติดตาม
ทบทวนงานวิจัยด้านทักษะที่จำเป็นต่อสังคม
ตั้งแต่ปี 2000 ทางบริษัท RIASEC ได้ใช้แบบสำรวจจำนวน 9 ประเภท เพื่อสำรวจทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตจากองค์กรหลากหลายสถาบันทางด้านเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันสามารถสรุปทักษะเหล่านั้นออกมาเป็น key factors จำนวน 407 key factors
ตัวอย่างแบบสอบถาม PROG
แบบสอบถาม PROG จะเป็นคำถามประเมินตนเองให้เลือกตอบระหว่างพฤติกรรมในข้อ A หรือพฤติกรรมในข้อ B โดยมีคำถามประมาณ 195 ข้อ ตัวอย่างเช่น ข้อ 1 “A ฉันพูดคุยได้อย่างฉะฉานแม้เป็นการคุยครั้งแรก” หรือ “B เงียบ สุภาพ ให้พื้นที่กับคนที่พูดคุยด้วยในการคุยครั้งแรก”
จากพบการตอบแบบสอบถามพบว่าโดยส่วนใหญ่ คนที่เลือกตอบ B มักเป็นกลุ่มนักศึกษา หรือพนักงานใหม่ คนที่เลือก A มักเป็นกลุ่มพนักงานที่มีประสบการณ์การทำงานแล้วหรือได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ในที่ทำงาน ทั้งนี้สำหรับคนไทย โดยส่วนใหญ่มักจะเลือกตอบ B มากกว่า
เมื่อทำแบบสอบถามครบแล้ว ระบบจะประมวลผลระดับทักษะให้แก่ผู้ประเมิน
Reliability and validity (ความน่าเชื่อถือ และความแม่นยำ)
จากการรวบรวมข้อมูลกว่า 15,000 คนมาประมวลผล พบว่าค่าความน่าเชื่อถือ (Reliability: α) ของ PROG นั้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.78 ซึ่งถือได้ว่ามีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
ในส่วนของค่าความแม่นยำ (Validity) หากพิจารณาโดยแบ่งตามกลุ่มบุคคลประเภทต่าง ๆ อาทิ นักศึกษาระดับชั้นปีที่ 1 ถึงปีที่ 4 พบว่าเมื่อนักศึกษาเริ่มเข้ารับการศึกษาจะค่อย ๆ พัฒนา Competency ให้สูงขึ้น หลังจบการศึกษาและเริ่มการทำงานในสังคม ก็จะพัฒนา Competency สูงยิ่งขึ้นอีก
นอกจากนี้จากการสำรวจกลุ่มผู้บริหารทั้งเพศหญิงและชาย พบว่ากลุ่มบุคคลนี้จะมี Competency สูงมาก
จากการสำรวจเปรียบเทียบการได้รับโอกาสทำงานจากองค์กรหรือบริษัท พบว่ากลุ่มที่ได้รับโอกาสทำงานกับองค์กรตั้งแต่ช่วงต้นจะมีค่า Competency สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับโอกาสในช่วงกลางและกลุ่มที่จบการศึกษามากกว่า 3 เดือนถึงได้รับโอกาส ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่าหากนักศึกษาได้รับโอกาสทำงานร่วมกับองค์กรแต่แรกเริ่มจะมีค่า Competency สูงกว่านักศึกษาที่ได้รับโอกาสช้ากว่าหรือไม่ได้รับโอกาส
จากการสำรวจเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนทำงานในเอเชีย (Global worker) อายุ 25-29 ปี จำนวน735 คน ที่ทำงานในต่างประเทศมาประมาณ 4 ปี เทียบกับกลุ่มคนทำงานในญี่ปุ่น (Model worker) จำนวน 4000 คน และกลุ่มนักศึกษาญี่ปุ่น พบว่ากลุ่มคนทำงานในเอเชียมีค่า Competency สูงกว่ากลุ่มคนทำงานในญี่ปุ่น
ข้อมูลยอดผู้ใช้งาน PROG
ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งาน PROG มากถึง 1,540,000 คน ตั้งแต่ปี 2012
สำหรับมหาวิทยาลัยมีการใช้งาน PROG กับนักศึกษามากขึ้นทุกปี โดยมีจำนวนรวมกว่า 1,400,000 คนจากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 515 แห่ง และเริ่มใช้งาน PROG ตั้งแต่ปี 2021 กับบริษัทกว่า 70 แห่ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาว่าแต่ละองค์กรควรจะต้องมีทักษะอะไรที่จำเป็นบ้าง
Case studies การใช้งาน PROG
1. เปรียบเทียบจุดอ่อน (Weakness) และจุดแข็ง (Strength) ของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น
ตัวอย่างกราฟเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย Competency ของมหาวิทยาลัยหนึ่งกับค่าเฉลี่ย Competency ของหลายมหาวิทยาลัย เพื่อสำรวจจุดแข็งและจุดอ่อนของมหาวิทยาลัย จากกราฟจะเห็นว่ามหาวิทยาลัยนี้ มีจุดแข็งด้าน Teamwork skills และ Personal skills แต่ยังมีจุดอ่อนด้าน Problem solving skills ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออาจารย์และส่วนพัฒนาการศึกษาในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอน
2. การเติบโตและพัฒนาการของนักศึกษา
การแสดงผลของ PROG สามารถช่วยให้อาจารย์เห็นถึงพัฒนาการ การเติบโตของนักศึกษา โดยในตัวอย่างนี้จะเป็นการเปรียบเทียบ Competency ของนักศึกษาเมื่ออยู่ปีที่ 1 และปีที่ 3 ซึ่งจะพบว่ามีการพัฒนามากขึ้นโดยเฉพาะ Problem solving ที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด
ในญี่ปุ่นมีการวิเคราะห์วิธีการเพิ่มพัฒนาทักษะด้วยการเรียนรู้แบบต่าง ๆ เช่น Active learning, PBL, Seminar, Experiment
3. การปรับปรุงพัฒนาห้องเรียนสำหรับนักศึกษาใหม่
กราฟแสดงค่า Competency ของนักศึกษาก่อนและหลังเรียน เมื่อครูผู้สอนทราบค่า Competency และปรับรูปแบบการสอนใหม่ หลังจากนั้นเมื่อนักศึกษาทำแบบทดสอบอีกครั้งพบว่าค่า Competency สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
4. การได้รับประสบการณ์ไปต่างประเทศมีผลต่อการพัฒนา Competency
ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มนักศึกษาปี 1 และปี 3 ที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศและกลุ่มที่ไม่ได้ไป พบว่านักศึกษาที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศมี Competency สูงขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ไป และสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือนักศึกษาที่ไม่ได้ไปต่างประเทศ มีทักษะครึ่งหนึ่งลดลงกว่าตอนปี 1 อีกด้วย จึงพอสรุปได้ว่าการที่นักศึกษาได้มีประสบการณ์ไปต่างประเทศมีผลต่อการพัฒนา Competency อย่างมาก
5. การพัฒนานักศึกษาจากผลการประเมินด้วย PROG
ผู้สอนสามารถนำข้อมูลนี้ไปวางแผนพัฒนานักศึกษาตามกระบวนการ PDCA ดังนี้
- ขั้น Plan ค้นหาจุดแข็ง และตั้งเป้าหมาย วางแผนการพัฒนาจุดแข็งและลดจุดอ่อน
- ขั้น Do ดำเนินการพัฒนาตามแผน และให้การสนับสนุน เช่น การให้คำปรึกษา
- ขั้น Check ตรวจสอบผลลัพธ์ โดยคำนึงถึงเป้าหมายในการพัฒนาและลงมือปฏิบัติ
- ขั้น Action ดำเนินการพัฒนาตามแผน
โดยการใช้งาน PROG ในรูปแบบนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการศึกษาเท่านั้นแต่ยังสามารถใช้กับองค์กรได้เช่นกัน
6. ใช้ข้อมูลจาก PROG มาให้คำแนะนำแบบตัวต่อตัว (One-on-One) แบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่
A ) A private college: interview by professors หลังจากนักศึกษาทำแบบทดสอบ PROG testก่อนเรียน ผู้สอนจะสัมภาษณ์กับนักศึกษารายคน ถึงแผนการพัฒนาจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง โดยให้นักศึกษาฝึกฝนตัวเองก่อน 1-2 เดือน จากนั้นจึงนัดพูดคุยอีกครั้งถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
B ) Career center at a private large-size university หลังจากนักศึกษาทำแบบทดสอบ PROG test แล้ว “Career center staff” จะสัมภาษณ์นักศึกษา โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับงาน บอกจุดแข็งของนักศึกษา รวมถึงอบรมการเขียน Resume
สาระจากกิจกรรม Show&Share หัวข้อ PROG, the powerful competency assessment
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 – 12.00 น.
วิทยากรโดย
Mr.Naoki Matsumura และ Mr.Akihiro Tanabe
ผู้วิจัยเครื่องมือจากบริษัท Riasec Inc. ประเทศญี่ปุ่น
ผู้แปลโดย
อ.วิวัฒน์วงศ์ กีรติการุณย์ อาจารย์สอนภาษา โครงการ KOSEN KMUTT