“ปรากฏการณ์วอชแบค” (washback effect) กับการพัฒนาผู้เรียนอย่างแท้จริง”

feather-calendarPosted on 11 สิงหาคม 2022 document PedagogyInterventionคลังความรู้Uncategorized
แชร์

โดย ดร.สุขุมาลย์ หนกหลัง

ในการจัดการเรียนการสอนนอกเหนือจากการถ่ายทอดองค์ความรู้แล้ว การวัดประเมินผลการเรียนรู้ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่สามารถสะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนและเป็นประโยชน์ต่อผู้สอนในแง่ของการให้ ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) และสามารถนำผลประเมินมาออกแบบและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ได้

โดยนอกเหนือจากการประเมินในระดับหลักสูตรผ่านการประเมินระหว่างเรียน (formative assessment) และการประเมินเพื่อสรุปผลการเรียนรู้ (Summative Assessment) แล้ว จะเห็นได้ว่าผู้เรียนส่วนใหญ่จะได้รับการประเมินจากการทดสอบในระดับชาติเกือบทุกปี ดังภาพ

นั่นแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนจะถูกวัดประเมินคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้สอนจะมีข้อมูลจากการวัดประเมินผลการเรียนรู้และผลการสอบเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลนี้จะสะท้อนให้เห็นคุณภาพการจัดการเรียนการสอน คุณภาพของครูผู้สอนและสถานศึกษาเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าสถานศึกษาและครูผู้สอนมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลการวัดประเมินและการสอบนี้ ผู้สอนจึงควรนำข้อมูลเหล่านี้กลับมาปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนของตนเองใหม่ โดยจะเรียกพฤติกรรมเหล่านี้ว่า “ปรากฏการณ์วอชแบค” (washback effect)

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่าปรากฏการณ์วอชแบค (washback effect) จะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น ความพร้อมสำหรับการสอบ ประสบการณ์ของการทำข้อสอบ แรงจูงใจ ความวิตกกังวล และความคาดหวังของในการสอบด้วย 

ปรากฏการณ์วอชแบค (washback effect) มีด้วยกัน 2 ลักษณะ ดังนี้
วอชแบคทางบวก (positive washback) คือ ปรากฏการณ์ที่ครูผู้สอนนำข้อมูลผลการวัดประเมินและผลการสอบมาวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งของผู้เรียนในความรับผิดชอบของตนเอง แล้วนำไปออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายหลักสูตร (teach to goal) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไปในทิศทางเดียวกันกับแนวคิดการสอนโดยการประเมินเป็นฐานและแนวคิดการประเมินเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ (assessment as learning: AaL) 

วอชแบคทางลบ (negative washback) คือ ปรากฏการณ์ที่ครูผู้สอนนำข้อมูลเหล่านี้ไปออกแบบ ปรับปรุง พัฒนาการสอน เพื่อวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้คะแนนสูงสุด หรือเป็นการสอนเพื่อการสอบ (teach to the test) ยกตัวอย่างเช่น การลดเนื้อหาบางอย่างลงเพื่อเน้นการติวข้อสอบ สอนสูตรลัด ให้ผู้เรียนสามารถทำคะแนนสอบที่ดี ส่งผลให้ความรู้ที่ผู้เรียนได้รับอาจไม่เพียงพอที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ 

“ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ได้นั้น ครูผู้สอนควรนำผลการวัดประเมินและการสอบมาใช้ในการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้วยวอชแบคทางบวก (Positive Washback)” 

5 แนวทางในการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดวอชแบคทางบวก (positive washback)

แนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เกิดวอชแบคทางบวก คือการที่ผู้สอนใช้ข้อมูลจากผลการวัดประเมินและผลการสอบมาพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับองค์ความรู้ครบถ้วนตามเป้าหมายของหลักสูตร สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ และมีความคุ้นเคยกับการสอบด้วย มีด้วยกัน 5 แนวทาง ดังนี้

1) การจัดการเรียนการสอนจะต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการทดสอบ โดยครูผู้สอนจะต้องชี้แจงให้ผู้เรียนทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน และการนำใช้ผลคะแนนของการสอบไปใช้ประโยชน์อย่างไร เมื่อผู้เรียนมีเข้าใจในวัตถุประสงค์และขั้นตอนต่าง ๆ ในการสอนแล้ว จะทำให้ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ที่ชัดเจน

2) ผู้สอนและผู้เรียนทำความเข้าใจถึงเป้าหมายการศึกษาของหลักสูตรและการประเมินผลร่วมกัน ผู้สอนสร้างความเข้าใจในเป้าประสงค์ของหลักสูตรให้แก่ผู้เรียน เพื่อให้มองเห็นภาพและทิศทางการเรียนรู้ร่วมกัน

3) ผู้สอนออกแบบหลักสูตร บทเรียน วิธีการสอน งานที่มอบหมาย และรูปแบบการสอบในห้องเรียนให้ครอบคลุมทั้งตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและการสอบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง หรือนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้

4) ผู้เรียนได้ประเมินตนเอง แนวทางนี้จะเป็นการส่งเสริมวอชแบคทางบวกเนื่องจากผู้เรียนจะสามารถวินิจฉัยจุดแข็งหรือจุดอ่อนของตนเอง พร้อมทั้งระบุความสามารถ ความคาดหวังและเป้าหมายในขณะนั้นได้

5) ผู้สอนให้ข้อมูลป้อนกลับรายบุคคล (feedback) เป็นแนวทางที่ผู้สอนได้นำข้อมูลจากการสอบและการวัดประเมินผลการเรียนรู้ในประเด็นต่าง ๆ มาสะท้อนกลับแก่ผู้เรียน เช่น การแก้ไขความเข้าใจคลาดเคลื่อนด้านเนื้อหาของผู้เรียน วางแผนการเรียนรู้ การปฏิบัติตน การให้กำลังใจ และแนะแนวทางการศึกษาในส่วนต่อไป 

รายการอ้างอิง

  • Ahmad, S., & Rao, C. (2012). Examination Washback Effect: Syllabus, Teaching Methodology and the Learners’ Communicative Competence. Journal of Education and Practice, 3(15), 173-183.
  • Akpinar, K. D., & Cakildere, B. (2013). Washback effects of high-stakes language tests of Turkey (KPDS and‹ DS) on productive and receptive skills of academic personnel. Journal of Language and Linguistic Studies, 9(2), 81-94.
  • Bailey, K. M. (1996). Working for washback: A review of the washback concept in language testing. Language testing, 13(3), 257-279. https://doi.org/10.1177/026553229601300303
  • Hung, S. T. A. (2012). A washback study on e-portfolio assessment in an English as a Foreign Language teacher preparation program. Computer Assisted Language Learning, 25(1), 21-36. https://doi.org/10.1080/09588221.2010.551756
  • Salehi, H., & Yunus, M. M. (2012). The washback effect of the Iranian universities entrance exam: Teachers’ insights. GEMA Online Journal of Language Studies, 12(2). 609-628.
  • Wilson, A. T. (2009). Assessment-based instruction applied to a course and lab in digital signal processing. Paper presented at the ASEE Southeast Section Conference. Southern Polytechnic State University, Marietta, GA.
  • Yi-Ching, P. (2009). A review of washback and its pedagogical implications. VNU Journal of Foreign Studies, 25(4), 257-263.
  • ปาริฉัตร ปิติสุทธิ สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). วอชแบคของครูในโรงเรียนที่มีบริบทต่างกัน, วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 11(2), 277-291.