การเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ส่งผลโดยตรงต่อระบบการศึกษา แนวทางการสอนแบบดั้งเดิมที่เน้นการถ่ายทอดความรู้จากผู้สอนสู่ผู้เรียนเพียงฝ่ายเดียวไม่เพียงพอต่อการพัฒนาผู้เรียนอีกต่อไป ผู้เรียนยุคใหม่จำเป็นต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน รวมถึงความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต ดังนั้น การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จึงเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์การพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ลงมือทำ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Bonwell & Eison, 1991)
On this page:
- ความหมายและแนวคิดของ Active Learning
- หลักการสำคัญของ Active Learning
- กลยุทธ์และเทคนิคในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning
- ประโยชน์ของ Active Learning
- ข้อจำกัดและความท้าทาย
ความหมายและแนวคิดของ Active Learning
Active Learning หมายถึง การจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนมีบทบาทอย่างกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอภิปราย การทำงานกลุ่ม การแก้ปัญหา หรือการประยุกต์ใช้ความรู้กับสถานการณ์จริง ผู้สอนจะมีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) มากกว่าการเป็นผู้ถ่ายทอดสารเพียงฝ่ายเดียว แนวคิดนี้สอดคล้องกับทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivism) ที่เชื่อว่าผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่จากประสบการณ์เดิมและการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและผู้อื่น
หลักการสำคัญของ Active Learning
แนวทาง Active Learning มีองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ได้แก่
- การมีส่วนร่วม (Engagement): ผู้เรียนมีบทบาทเชิงรุกทั้งในเชิงปฏิบัติและการคิด
- การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking): ผู้เรียนถูกกระตุ้นให้ตั้งคำถาม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูล
- การสะท้อนผลการเรียนรู้ (Reflection): ผู้เรียนทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้และเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือการประยุกต์ใช้ในบริบทอื่น
กลยุทธ์และเทคนิคในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning
Active Learning สามารถดำเนินการได้ผ่านเทคนิคที่หลากหลาย เช่น
- Think-Pair-Share: กระบวนการที่ผู้เรียนคิดด้วยตนเอง จากนั้นจับคู่แลกเปลี่ยน และนำเสนอแก่ชั้นเรียน
- Problem-Based Learning (PBL): ใช้ปัญหาเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ เพื่อฝึกการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน
- Case Study: ศึกษากรณีตัวอย่างใกล้เคียงความจริงเพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจ
- Peer Teaching: ผู้เรียนมีบทบาทในการอธิบายหรือถ่ายทอดเนื้อหาให้เพื่อน ๆ
- Technology-Supported Learning: ใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น Kahoot!, Mentimeter หรือระบบโหวตออนไลน์ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
ประโยชน์ของ Active Learning
งานวิจัยยืนยันว่า Active Learning มีผลดีต่อทั้งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะผู้เรียน Freeman et al. (2014) ศึกษานักศึกษาในรายวิชา STEM พบว่าการใช้ Active Learning ช่วยลดอัตราการสอบตกลง 55% และเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และความมั่นใจในการแสดงออกของผู้เรียน อีกทั้งยังสร้างแรงจูงใจภายในและทำให้ผู้เรียนรู้สึกว่าตนเองมีส่วนสำคัญต่อการเรียนรู้
ข้อจำกัดและความท้าทาย
แม้ Active Learning จะมีข้อดีหลายประการ แต่การนำไปใช้จริงในห้องเรียนยังมีอุปสรรค เช่น
- ด้านเวลา: การเตรียมกิจกรรมและการจัดการเรียนรู้ใช้เวลามากกว่าการบรรยาย
- ด้านการบริหารชั้นเรียน: โดยเฉพาะในชั้นเรียนที่มีนักศึกษาจำนวนมาก ทำให้การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงเป็นเรื่องยาก
- ด้านทัศนคติ: ผู้เรียนบางคนอาจไม่คุ้นชินกับการเรียนรู้แบบลงมือทำและอาจรู้สึกไม่มั่นใจที่จะมีส่วนร่วม
- ด้านโครงสร้างสนับสนุน: ต้องการการสนับสนุนจากสถาบัน เช่น การจัดสรรเวลา สถานที่ และสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม
Active Learning เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่มีศักยภาพในการพัฒนาผู้เรียนให้พร้อมต่อการเผชิญกับความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วม การคิดเชิงวิพากษ์ และการสะท้อนผลการเรียนรู้ แม้จะมีข้อจำกัดในการปฏิบัติ แต่ด้วยการออกแบบการเรียนรู้ที่เหมาะสมและการสนับสนุนจากสถาบัน Active Learning สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการพัฒนาทักษะชีวิตได้อย่างยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
- Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active Learning: Creating Excitement in the Classroom. ASHE-ERIC Higher Education Report No. 1. George Washington University.
- Freeman, S., Eddy, S. L., McDonough, M., Smith, M. K., Okoroafor, N., Jordt, H., & Wenderoth, M. P. (2014). Active learning increases student performance in science, engineering, and mathematics. Proceedings of the National Academy of Sciences, 111(23), 8410–8415. https://doi.org/10.1073/pnas.1319030111