Active Learning include :

ความสำคัญของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ มากมาย มีการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก และมีความผันผวนของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้คนต้องผู้คนต้องและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ซึ่งต้องอาศัยทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking) และต้องมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยไม่จำกัดอยู่แต่ภายในห้องเรียนและไม่จำกัดเวลาในการเรียนรู้

ซึ่งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาหลายท่านมองว่าแนวทางการสอนแบบผู้สอนเป็นศูนย์กลาง (Teacher-centered approach to learning) ซึ่งมักใช้การบรรยายเนื้อหาเป็นส่วนมากซึ่งผู้เรียนจะทำแค่รับฟังและจดบันทึก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นเริ่มไม่ตอบโจทย์ บริบทการเรียนการสอนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ และจำเป็นต้องมีการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร บุคลากรครู อาจารย์ ผู้สอนให้มีความรู้ ความเข้าใจในบทบาท แนวทางการสอนที่หลากหลายมากขึ้น และเชื่อว่าแนวทางการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) นี้จะช่วยส่งเสริม และกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดทักษะการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทโลกได้ อีกทั่งยังมีหลายงานวิจัยพบว่ายังช่วยส่งเสริมให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ระดับความเข้าใจและคะแนนให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

แนวคิดและความหมายของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) มีรากฐานมาจากแนวคิดทางการศึกษาแบบสร้างองค์ความรู้ (Constructivist) โดยผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้จากข้อมูลที่ได้รับมาใหม่ด้วยการนำไปประกอบกับประสบการณ์เดิมในอดีต โดยเป็นการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking) เช่น การคิดวิเคราะห์  การคิดสังเคราะห์ การคิดวิพากย์ และการคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น และยังส่งเสริมให้ผู้เรียนนมีส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนและกับผู้เรียนด้วยกัน หรือกล่าวโดยสรุป คือ

“การสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้คิดและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้”

รูปแบบการเรียนรู้ตามแนวทาง Active Learning สามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบท รวมถึงธรรมชาติของผู้เรียนเป็นสำคัญ ไม่มีขั้นตอนกระบวนการที่ตายตัว แต่มีหลักการสำคัญก็คือ​การที่ครูไม่ใช่ผู้สอน นักเรียนไม่ใช่เครื่องจำ และบรรยากาศห้องเรียนจะส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กพูด ถาม และแสดงความเห็นได้ตลอดเวลา

ข้อดีของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

  1. พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง ในการเรียนรู้ผู้เรียนจะมีโอกาส มีส่วนร่วมในการปฏิบัติจริงและมีการใช้วิจารณญาณในการคิดและตัดสินใจในการปฏิบัติกิจกรรมนั้น มุ่งสร้างให้ผู้เรียนเป็นผู้กำกับทิศทางการเรียนรู้ ค้นหาสไตล์การเรียนรู้ของตนเอง สู่การเป็นผู้รู้คิด รู้ตัดสินใจด้วยตนเอง (Metacognition) ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงได้
  2. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับการเรียนเรียนรู้ ผู้เรียนจะมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรมอย่างกระตือรือร้นในสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวย ผ่านการใช้กิจกรรมที่ครูผู้สอนจัดเตรียมไว้ให้อย่างหลากหลาย หรือผู้เรียนสามารถออกแบบและเลือกเรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ ตามความสนใจและความถนัดของตนเอง เกิดความรับผิดชอบและทุ่มเทเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จในการเรียนรู้
  3. ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอนและเพื่อร่วมชั้น ด้วยแนวทางการสอนที่ลดการบรรยาย มุ่งเน้นผู้เรียนมีส่วนร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้มากขึ้น รวมทั้งบทบาทของครูที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน ครู และเพื่อนร่วมชั้นมากขึ้น เช่น การถาม การตอบ แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การร่วมมือในกิจกรรมกลุ่ม เป็นต้น
  4. เพิ่มประสิทธิภาพและระดับการเรียนรู้เชิงลึก ในหลายงานวิจัยพบว่าการใช้แนวทางการเรียนรู้แบบ Active Learning นี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นทักษะการคิดและการมีส่วนร่วมแล้ว ยังส่งผลถึงระดับความเข้าใจ ระดับการเรียนรู้ในเนื้อหารายวิชานั้น ๆ ด้วย
  5. พัฒนาทักษะการเรียนรู้และต่อยอดสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยการให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจรวมถึงกำหนดวิธีการ กิจกรรมการเรียนรู้ได้ จึงส่งผลให้เกิดความรับผิดชอบ ทุ่มเทในการเรียนรู้ของตนเองมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) รวมถึงการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสืบค้นข้อมูล แหล่งทรัพยากรเรียนรู้อื่นมาสนับสนุนการเรียนรู้ได้ ทำให้ผู้เรียนต่อยอดการเรียนรู้ได้ตามแนวทาง Life Long Learning

บทบาทของครูผู้สอนและผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุกนั้นนอกเหนือจากการออกแบบและวางแผนการสอนแล้ว ครูผู้สอนต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเองจากการเป็นผู้สอน ผู้บรรยาย และผู้ควบคุมจัดการห้องเรียนทั้งหมดด้วยตัวเอง ไปสู่บทบาทอื่น ๆ ในห้องเรียนหรือแนวทางในการจัดการสอน ได้แก่

  1. เป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ (Facilitator) โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง กระตุ้นสอบถามความสนใจ เลือกกิจกรรมการเรียนรู้ และสนับสนุนแหล่งข้อมูลที่จำเป็น รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมปฏิสัมพันธ์แบบต่าง ๆ ภายในห้องเรียนให้เกิดแรงขับเคลื่อนของการเรียนรู้
  2. เป็นผู้ให้คำปรึกษาชี้แนะ (Coach /Consult) ครูผู้สอนสามารถใช้คำถามกระตุ้นการเรียนรู้ เช่น การตั้งเป้าหมาย ให้คิดต่อยอด เกิดความสงสัยและคำถามที่นำไปสู่การค้นคว้าความรู้ รวมถึงการเป็นผู้ชี้แนะให้คำปรึกษาเมื่อผู้เรียนติดปัญหาที่ยากจะแก้ไข ทั้งด้านความรู้ ด้านสังคม จิตใจ
  3. เป็นผู้สังเกต ผู้สอนจะต้องระลึกเสมอว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกันทั้งความสนใจ ความถนัด และคอยสังเกตผู้เรียนเพื่อกระตุ้น ชี้แนะ หรือยับยั้ง
  4. เปิดโอกาสให้ผู้เรียน ในบางวิชาอาจจะเป็นการยากที่จะปรับกิจกรรมการสอนให้ครบวงจร และยังจำเป็นต้องมีการใช้การบรรยายถ่ายทอดองค์ความรู้ แต่ครูผู้สอนก็สามารถเพิ่มโอกาสให้ผู้เรียนเข้าไปในกิจกรรมการสอนได้ เช่น การสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนได้ซักถาม กล้าตอบหรือแสดงความคิดเห็น หรือเปิดกว้างให้ผู้เรียนได้แสดงความเห็น ถกเถียง เป็นต้น

นอกจากนี้ด้วยการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางนี้ยังต้องอาศัยคุณลักษณะของผู้เรียนที่เหมาะสม  ถึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในช่วงแรกที่มีการปรับการสอนผู้เรียนอาจยังมีคุณลักษณะจากรูปแบบเก่า เช่น การเน้นฟัง ไม่กล้าถาม ตอบคำถามน้อย เป็นต้น ซึ่งผู้สอนต้องพยายามสร้างคุณลักษณะการเรียนรู้เชิงรุกให้แก่ผู้เรียนไปพร้อมกับการจัดการสอนให้บรรลุเป้าหมายด้วย โดยคุณลักษณะของผู้เรียนในการเรียนรู้แบบเชิงรุก มีดังต่อไปนี้

  1. ว่าตัวเองจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง รู้สิ่งที่จะเรียน มีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง หรือมีการสร้างแรงจูงใจภายในได้
  2. มีนิสัยใฝ่รู้ รู้จักตั้งคำถาม เปิดกว้าง และค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ทำให้กระจ่างสิ้น ความสงสัยได้
  3. ต่อยอดสิ่งที่เรียนรู้เข้ากับชีวิตจริง ชีวิตประจำวัน หรือความเป็นไปของโลกปัจจุบัน
  4. มีความกระตือรือร้นที่จะทำกิจกรรม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เคารพความเห็นที่แตกต่าง
  5. เป็นคนมีเหตุผลหรือมีกระบวนการคิดที่ดี โดยเฉพาะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การคิดวิพากย์ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ความคิดเห็นของผู้อื่น

ลักษณะของการเรียนการสอนแบบ Active Learning

  1. กระบวนการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมสร้างองค์ความรู้ และจัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Directed Learning) และลดการบรรยายจากผู้สอนโดยตรงให้เหลือเท่าที่จำเป็น
  2. ใช้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนนำความรู้ ความเข้าใจไปประยุกต์ใช้ สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า คิดสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ พัฒนาทักษะกระบวนการคิดไปสู่ระดับที่สูงขึ้น เช่น การเรียนรู้โดยใช้ปัญหา/โครงงานเป็นฐาน (Problem/Project-Based Learning) การตั้งคำถาม (Questioning-based Learning) แลกเปลี่ยนความคิด (Think – Pair – Share) การสะท้อนคิด (Reflection)
  3. กิจกรรมการเรียนรู้ควรเชื่อมโยงกับนักเรียน กับสภาพแวดล้อมใกล้ตัว ปัญหาของชุมชน สังคม หรือประเทศชาติ เช่น การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ (Experiential Learning) หรือการเรียนรู้โดยใช้ปัญหา/โครงงานเป็นฐาน (Problem/Project-Based Learning)
  4. กิจกรรมการเรียนรู้ควรเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน และปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เรียนด้วยกัน เช่น ตอบคำถาม แลกเปลี่ยนความคิด
  5. นำความรู้ที่ได้ไปใช้แก้ปัญหาใหม่ หรือใช้ในสถานการณ์ใหม่
  6. เน้นให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดของตนเองอย่างมีเหตุมีผล มีโอกาสร่วมอภิปรายและนำเสนอผลงาน เช่น การตั้งคำถาม (Questioning-based Learning) แลกเปลี่ยนความคิด (Think – Pair – Share) การโต้วาที (Debate) การใช้กรณีศึกษา (Case Study)

แนวทางการวัดและประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)

ด้วยลักษณะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในการเรียนรู้เชิงรุก จะมีความหลากหลายมากกว่ารูปแบบการสอนแบบเดิมที่เน้นการบรรยาย ทำให้โดยทั่วไปการวัดประเมินผลจะต้องมีการเพิ่มการวัดประเมินเพื่อการพัฒนา (Formative Assessment) แทนการใช้การวัดประเมินเพื่อตัดสิน (Summative Assessment/Evaluate) เพียงอย่างเดียวที่มุ่งวัดผลที่ปลายทางการเรียนรู้ เพราะครูผู้สอนจำเป็นต้องติดตามความก้าวหน้า พัฒนาการในการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอ และคอยให้การสนับสนุน ชี้แนะให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียนเมื่อเกิดข้อสงสัย ติดปัญหาขึ้นจนผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้หรือบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้

Reference

Freeman, S., Eddy, S. L., McDonough, M., Smith, M. K., Okoroafor, N., Jordt, H., & Wenderoth, M. P. (2014). Active learning increases student performance in science, engineering, and mathematics.
https://www.pnas.org/doi/full/10.1073/pnas.1319030111

Michael, J. (2006). Where’s the evidence that active learning works?. https://journals.physiology.org/doi/full/10.1152/advan.00053.2006

Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. https://files.eric.ed.gov/fulltext/ED336049.pdf

https://academic.obec.go.th/images/document/1603180137_d_1.pdf

https://www.eef.or.th/news-thai-active-learning/