การประชุมวิชาการ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2565 เรื่อง ก้าวต่อไปของการพลิกโฉมอุดมศึกษาไทย
Speaker: รศ. ดร.บัณฑิต ทิพากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
รศ. นพ.อานุภาพ เลขะกุล ที่ปรึกษาด้านแพทยศาสตรศึกษา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
น.ส.นุชนภา รื่นอบเชย ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เรียบเรียงโดย ทีม CELT
ที่มาของการทำ Credit Bank นั้น หากย้อนกลับไปที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2546 ได้มีการริเริ่มให้สถาบันอุดมศึกษามุ่งเน้นเรื่อง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Life Long Learning ให้กับประชากรไทยทุกช่วงวัย” และมาเน้นย้ำความสำคัญอีกครั้งในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ที่ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน นอกห้องเรียน และให้ประสบการณ์การเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่หลากหลาย จากแนวคิดดังกล่าวจึงถูกต่อยอดมาสู่แนวคิดของการทำ “Credit Bank” ในปัจจุบัน
“Credit Bank เป็นการสะสมการเรียนรู้หรือสะสมพัฒนาการของผู้เรียน”
หลักสำคัญของการทำ Credit Bank แท้จริงแล้วนั้นจะเป็นการสะสมการเรียนรู้ของผู้เรียน กล่าวคือเป็นการสะสมความสามารถ สมรรถนะ (Competency) หรือการสะสมพัฒนาการการเรียนรู้ของผู้เรียน เปรียบเสมือนสมุดพกหรือสมุดเก็บบัญชีธนาคาร (Book Bank) ซึ่งธนาคาร (Bank) กลางนี้อาจจะอยู่กับรัฐ มหาวิทยาลัย หรือตัวผู้เรียน ก็ได้ โดยมาตรฐานความสามารถหรือพัฒนาการเรียนรู้นั้นจะถูกกำหนดจาก Learning Outcome (LO) และจะต้องกำหนดจากความรู้ ทักษะที่ตอบเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือเป็นการเพิ่ม Professional Skills เพื่อการทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถตอบโจทย์ผู้เรียนที่ต้องการ Up skills และ Re skills เนื่องจากในปัจจุบันมโนทัศน์ของเด็กยุคใหม่ต้องการเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้
หลักสำคัญของการทำ Credit Bank แท้จริงแล้วนั้นจะเป็นการสะสมการเรียนรู้ของผู้เรียน กล่าวคือเป็นการสะสมความสามารถ สมรรถนะ (Competency) หรือการสะสมพัฒนาการการเรียนรู้ของผู้เรียน เปรียบเสมือนสมุดพกหรือสมุดเก็บบัญชีธนาคาร (Book Bank) ซึ่งธนาคาร (Bank) กลางนี้อาจจะอยู่กับรัฐ มหาวิทยาลัย หรือตัวผู้เรียน ก็ได้ โดยมาตรฐานความสามารถหรือพัฒนาการเรียนรู้นั้นจะถูกกำหนดจาก Learning Outcome (LO) และจะต้องกำหนดจากความรู้ ทักษะที่ตอบเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือเป็นการเพิ่ม Professional Skills เพื่อการทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถตอบโจทย์ผู้เรียนที่ต้องการ Up skills และ Re skills เนื่องจากในปัจจุบันมโนทัศน์ของเด็กยุคใหม่ต้องการเรียนรู้ ฝึกฝนทักษะเพื่อให้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้
ในด้านการประเมิน (Assess) หรือ การคัดกรอง (Qualify) จะประเมินจากหลักฐานการเรียนรู้ (Evidence) ที่สามารถสะท้อนไปยัง LO ได้อย่างแท้จริง ซึ่งหลักฐานการเรียนรู้ดังกล่าวมีได้หลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแค่การสอบเท่านั้น อาทิเช่น การรวบรวมผลงานด้วย Portfolio การประเมินจากการปฏิบัติงาน (On the Job) การจำลองสถานการณ์เสมือน (Simulation) หรือ Recognition of Prior Learning เป็นต้น รวมทั้งยังสะท้อนผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ว่ายังขาดหรือต้องพัฒนาอะไรเพิ่มเติม
การประเมินด้วยหลักฐานการเรียนรู้อย่างจริงจังนี้ ทำให้ Credit Bank เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเชื่อมโยงระหว่างภาคการศึกษาและภาคแรงงาน โดยให้ภาคแรงงานมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานวัดความสามารถ สมรรถนะของผู้เรียนได้
จุดสำคัญของการทำธนาคารหน่วยกิต หรือ Credit Bank สถาบันการศึกษาและผู้สอนจำเป็นต้องมี Mindset ที่หลุดออกจากการเรียนรู้แบบเดิมที่มุ่งเน้นการเรียนแบบกรอบเวลา (Time Based) ถึงแม้จะจะใช้คำว่า “หน่วยกิต หรือ Credit” ที่เป็นการเรียนตามกรอบเวลาก็ตาม ซึ่งระบบเดิมนี้จะมุ่งเน้นไปที่การคิดภาระงานของผู้สอนมากกว่าการคำนึงหรือมุ่งเน้นไปที่ความสามารถและความสนใจของผู้เรียน อีกทั้งยังจำเป็นต้องหลุดออกจากภาพการเรียนรู้ทั้งหลักสูตรและเรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญา (Degree) ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มที่จะลดความสำคัญลงทั้งจากตัวผู้เรียนและภาคแรงงาน
นอกจากนี้การอาศัยภาคแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมจะก่อเกิดเป็นการเรียนรู้ที่มี คุณภาพ และส่งผลถึงการยอมรับเองโดยอัตโนมัติ กล่าวคือ สถาบันการศึกษาจำเป็นจะต้องให้การเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนสามารถทำงานได้หรือมีศักยภาพมากพอที่จะสร้างการพัฒนา (Growth) แก่องค์กรหรือสังคมได้ และต้องมีวิธีวัดประเมินที่ชัดเจนผ่านหลักฐานการเรียนรู้แบบต่าง ๆ แทนการเรียนรู้แบบอาศัยกรอบเวลา
วัตถุประสงค์ของ Credit bank
โดยสรุปแล้ววัตถุประสงค์ของการทำCredit Bank มีดังนี้
- เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สามารถเรียนรู้นอกระบบหรือเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ส่งผลให้ประชากรไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ทุกที่ (everywhere) ซึ่งเป็นการตอบเป้าหมายเรื่องของ การเรียนรู้ตลอดชีวิต
- เน้นการเรียนรู้ที่เป็นมิตรกับผู้เรียน (Learner – friendly) ระบบ Credit Bank นี้เน้นทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข ไม่รู้สึกกดดันและสามารถเรียนรู้ได้ตามอัตราความเร็วหรือความพร้อมของตนเอง (Self-paced Learning)
- ส่งเสริมการเรียนรู้ข้ามศาสตร์ เป็นการผนวกรวมองค์ความรู้จากศาสตร์ หรือวิชาต่าง ๆ ผ่านการกำหนด Learning Outcome
- เลือกเรียนตามความสนใจและศักยภาพ ผู้เรียนจะหลุดจากกรอบของหลักสูตรและมีโอกาสได้เลือกเรียนตามความสนใจหรือศักยภาพที่ตนเองต้องการ
- เรียนรู้ตามอัตราการเรียนรู้ของตนเอง ผู้เรียนจะเป็นอิสระจากเวลา สามารถกำหนดเวลาในการเรียน กำหนดอัตราในการเรียนรู้ตามความเร็วในการเรียนรู้ของตนเองได้ นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถเข้าออกจากระบบหรือพักการเรียนรู้ไว้ เพื่อไปทำงานก่อนได้อีกด้วย
- เชื่อมโยงภาคแรงงานและภาคการศึกษา ระบบนี้จะทำให้ภาคแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน (Assess)
- เทียบโอนได้ สามารถเทียบโอน Credit ระหว่างสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสถาบันอุดมศึกษา
ตัวอย่างการเรียนรู้แบบ Credit Bank จาก มจธ.
มจธ. ได้เริ่มออกแบบระบบการเรียนรู้แบบใหม่นี้และคาดว่าจะนำระบบการเรียนรู้ดังกล่าวมาใช้จริงในช่วงกลางปี 2566 โดยโครงสร้างของระบบจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ “Learn & Earn” โดยจะมี Learning Outcome เป็นหลักสำคัญ การเทียบเคียงสู่ระบบเดิมนั้นจะเป็นการเทียบแค่หลักสำคัญหรือ Core Concept เท่านั้น โดยนักศึกษาหรือผู้เรียนจะมีสิทธิ์เลือกที่จะเรียนในรูปแบบเดิมหรือรูปแบบนี้ได้ ซึ่งในอนาคต Block Chain จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านนี้
Earn คือระบบการรับรองความสามารถที่ Earner สามารถค้นหา เลือก และส่งหลักฐานการประเมิน เพื่อขอรับการรับรองและเมื่อได้รับการรับรองจะได้รับ Digital Badge
โดยมีหลักการ ดังนี้
- จะต้องสนองตอบการทำงานได้ โดยจะเป็นงานที่สำคัญในช่วงเวลานั้น ๆ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาตามบริบทสังคม
- มีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับระบบหลักสูตร
- สามารถวัดประเมินได้ชัดเจน
- สามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้ (Stack)
ส่วน Learn คือ ระบบสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถ เป็นแหล่งรวบรวม Resource ต่าง ๆ เช่น VDO, Content Paper, Workshop หรือ Learning Module ที่เรียกรวม ๆ ว่า Learning Unit โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกเรียนรู้ได้ตามความสนใจ และเมื่อจบการเรียนรู้จะได้รับ Certificate of Attendance หรือ KMUTT Learning Outcomes Certificate
สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อดำเนินระบบ Credit Bank
- การพัฒนาศักยภาพอาจารย์ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ระบบการเรียนรู้มีคุณภาพจำเป็นต้องมีผู้สอนที่มีคุณภาพ การพัฒนาอาจารย์ให้มีศักยภาพตามกรอบ PSF จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
- ระบบคัดกรองคนเข้าระบบ จำเป็นต้องคิดค้นแนวทางการคัดกรองผู้เรียนเข้าระบบ ซึ่งการสอบแบบเดิมอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป
- ระบบและวิธีการประเมิน ในทุก ๆ การเรียนรู้จำเป็นต้องมีระบบและวิธีการวัดประเมินการเรียนรู้ที่ชัดเจน
- เลิกยึดติดกับกรอบเวลา อาจารย์จำเป็นต้องปรับ Mindsetเพื่อที่จะหลุดหรือแยกจากการเรียนรู้ในระบบเดิมที่เป็นการเรียนรู้ตามกรอบเวลาให้ได้
- เน้น Learning Outcome ในทุกการเรียนรู้จำเป็นต้องมีวิธีการเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้เป็น Learning Outcome
- ค้นหาระบบกลาง การสะสมการเรียนรู้ หรือสะสม Credit นี้อาจจะต้องอาศัยระบบกลาง เช่น ระบบแบบเดียวกับธนาคารในการสะสม
สาระจากการประชุมวิชาการ ครั้งที่ 17 ประจำปี 2565
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ร่วมกับ
สมาคมเครือข่ายการพัฒนาวิชาชีพอาจารย์และองค์กรระดับอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย (ควอท)
เรื่อง ก้าวต่อไปของการพลิกโฉมอุดมศึกษาไทย
(Foresight in Reinventing Thailand Higher Education: The Next Move)
วันที่ 24-25 มีนาคม 2565
ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ (สุขุมวิท 11) กรุงเทพมหานคร