กรอบแนวคิดและเครื่องมือในการประเมิน
การประเมินผลกระทบต่อสังคม (Social Impact Assessment: SIA) คือ หัวใจสำคัญในการดำเนินโครงการ เพื่อประเมินกระทบทางสังคมไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อม ที่จะช่วยบอกคุณภาพ ปริมาณ และตัวชี้วัดของโครงการ ว่าผลลัพธ์ของโครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และต้องวางแผนอะไรเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งมีน้ำหนักความสำคัญถึง 80% แล้วจึงประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment : SROI) เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการสนับสนุนงบประมาณ (ต้นทุน) ว่าสามารถสร้างผลตอบแทนคืนสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลเชิงผลลัพธ์ (outcome) และผลกระทบ (impact) หรือไม่ ซึ่งมีน้ำหนัก 20% ของการประเมินโครงการ
ห่วงโซ่ผลกระทบจากการทำโครงการทางสังคม
เป็นกระบวนการที่อธิบายการเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมของโครงการ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และผลกระทบที่มีต่อสังคมในระยะยาว โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจว่าโครงการส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไร
SROI (Social Return on Investment) คืออะไร
SROI คือ เครื่องมือในการประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน เพื่อช่วยให้คนทำงานด้านสังคมทราบมูลค่า ผลประโยชน์สุทธิของโครงการในรูปของตัวเงิน ซึ่งถูกพัฒนามาจาก Cost-Benefit Analysis : CBA โดยจะคิดตัวเงินจากผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ ผลประโยชน์ทางด้านสังคม และผลประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อม แบ่งเป็นการวัดผ่านความแตกต่าง 3 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 ผลประโยชน์สุทธิ เป็นมิติพื้นฐานวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นผ่านผลประโยชน์สุทธิ ผลประโยชน์สุทธิ คือ ผลประโยชน์หักด้วยต้นทุน
มิติที่ 2 การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ใช้ประโยชน์จากงานวิจัยกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย หรือเป็นการเปรียบเทียบกลุ่ม With กับกลุ่ม Without
มิติที่ 3 เป็นการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่างก่อนใช้งานวิจัยกับหลังใช้งานวิจัย หรือเป็นการเปรียบเทียบในมิติของ Before เปรียบเทียบกับ After
รูปแบบการประเมิน SROI มี 3 รูปแบบ ดังนี้
- Ex-ante Evaluation เป็นการประเมินเพื่อจัดการทรัพยากรการวิจัย และจัดลำดับความสำคัญของการวิจัย เพื่อเป็นการประเมินผลประโยชน์ในอนาคต หรือเป็นการคาดการณ์ผลประโยชน์ในอนาคต ซึ่งการกำหนดการลดลงของประสิทธิภาพของโครงการ (Drop off) หรือช่วงเวลาของการสิ้นสุดของการยอมรับ (Dis-adoption) จะมีความสำคัญมาก
- On-going การประเมินระหว่างการดำเนินโครงการ คือ การประเมินเพื่อพิจารณาว่าผลลัพธ์ระหว่างดำเนินกิจกรรมเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ควรมีการหยุด หรือดำเนินการต่อ หรือปรับแผนกิจกรรมหรือไม่
- Ex-post Evaluation เป็นการวัดประสิทธิภาพการลงทุนการวิจัย จึงเป็นการประเมินผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้ว จนถึงปัจจุบัน เมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
ในบางกรณีโครงการอาจจะเปลี่ยนไปใช้การประเมินSLROI หรือ Sustainable Livelihood Return On Investment โดยขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ลักษณะของโครงการ รวมถึงปัจจัยบริบทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การประเมินตอบโจทย์และเกิดประโยชน์สูงสุดในการตัดสินใจและสื่อสารผลลัพธ์
โดย SROI เน้นวัดผลกระทบทางสังคมเป็นหลัก เพื่อวิเคราะห์ว่าการลงทุนสร้างคุณค่าให้กับผู้คนและชุมชนได้อย่างไร ส่วน SLROI เป็นแนวทางที่กว้างขึ้น โดยรวมมิติด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจเข้ามาด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการส่งผลในทางที่ยั่งยืนต่อทั้งระบบ
สมการการประเมินผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment : SROI)
คือการตั้งคำถามว่า การลงทุน 1 บาท สร้างผลตอบแทนทางสังคมเท่าไหร่ (หน่วย บาท)
SROI = มูลค่าปัจจุบันสุทธิของประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม/มูลค่าปัจจุบันสุทธิของเงินลงทุน
ตัวอย่างการแปลงค่า
SROI = (2,000,000 บาท)/(200,000 บาท) = 10
ซึ่งหมายถึง ลงทุน 1 บาทจะได้ผลตอบแทนทางสังคมกลับมา 10 บาท
การคิดค่าแทนการเงิน (Financial proxy) ของ SROI
คือ การเปลี่ยนผลลัพธ์และผลกระทบทางสังคม ให้ออกมาเป็นรูปของตัวเงิน โดยการ “แปลงผลลัพธ์ทางสังคม” ที่ไม่มีราคาตลาด ให้ออกมาเป็น “บาท” การทำ “คุณค่า” ให้ออกมาเป็น “มูลค่า” ตัวอย่างเช่น
โครงการลดอัตราการเข้าโรงพยาบาล
ผลกระทบ: ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
Financial Proxy: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการรักษาพยาบาลต่อครั้ง
โครงการส่งเสริมสุขภาพจิต
ผลกระทบ: ลดความเครียด
Financial Proxy: ค่าใช้จ่ายในการปรึกษานักจิตวิทยาที่ลดลง
การประเมินผลกระทบต่อสังคม (Social Impact Assessment: SIA) คืออะไร
SIA คือกระบวนการวิเคราะห์ ประเมิน และจัดการผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากโครงการ โดยพิจารณาทั้ง ผลกระทบเชิงบวก และ ผลกระทบเชิงลบ ที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคล ชุมชน และสังคมในภาพรวม
โดยมีขั้นตอนการวิเคราะห์การประเมิน SIA 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. การทบทวนรายละเอียดโครงการที่ต้องการประเมิน ทำความเข้าใจภาพรวมของโครงการหรือกิจกรรมที่จะดำเนินการ และระบุประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคม
2. การสื่อสารความสำคัญของโครงการผ่านทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (TOC: Theory of Change)
Theory of Change หรือทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง แท้จริงนั้นเป็นเครื่องมือไม่ใช่ทฤษฎี โดยเป็นเครื่องมือที่ช่วยนิยาม (Define) เป้าหมายและพันธกิจทางสังคมของโครงการ องค์กรที่ทำวิจัยร่วม ให้ชัดเจนว่าเป้าหมายสุดท้าย หรือปลายทางโครงการเหล่านี้จะสร้างคุณค่าทางสังคมให้กับใคร อย่างไร หรือเป็นเครื่องมืออธิบายความเชื่อมโยงระหว่าง “กิจกรรมของงานวิจัย” สู่ “เป้าหมายโครงการหรือองค์กร” โดยมักใช้คำว่า “ถ้า…..(กิจกรรมที่ทำ)………” แล้วจะเกิด “……….(เป้าหมาย………)” หากนักวิจัยสามารถสรุป สังเคราะห์งานวิจัยในรูปแบบ ToC ได้ดี กระชับ และเล่าภาพรวมของทั้งโครงการได้ชัดเจน จะสะท้อนถึงความมั่นใจของนักวิจัยและส่งผลให้แหล่งทุนมั่นใจในการให้ทุนทำวิจัยเช่นกัน
ตามทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงของ White and Raitzer (2017) จะพบว่า SIA จะพิจารณาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางด้วย
โดยทฤษฎี White and Raitzer กล่าวว่า การทำโครงการใด ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์ (Outcome) 100% อาจจะมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่ตลอดการทำกิจกรรมอาจจะส่งผลในรูปแบบอื่น ๆ ได้มากมาย ซึ่งสามารถนำมาคิดเป็นผลประโยชน์ของโครงการได้ด้วย
3. การสัมภาษณ์ วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) หรือผู้ใช้ประโยชน์ (User)
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) คือ กลุ่มคนที่กิจกรรมหรือโครงการเข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรงได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นผลกระทบที่ชัดเจน แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ห้ามนำมาเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
4. การวิเคราะห์เส้นทางสู่ผลกระทบ (Social Impact Pathway)
เป็นการวิเคราะห์ถึงปัจจัยต่าง ๆ ตาม ห่วงโซ่ผลกระทบทางสังคม (Social Impact Value Chain) ดังนี้
ปัจจัยนำเข้า (Input) คืองบประมาณต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในโครงการเพื่อสร้างผลลัพธ์ เช่น บุคลากร เครื่องจักร ความรู้ และอื่น ๆ
กิจกรรม (Activities) คือสิ่งที่ทำหลักในโครงการโดยการใช้ปัจจัยนำเข้า (Input) ที่มีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ผลผลิต (Output) คือสิ่งที่เกิดจากการทำกิจกรรมที่สามารถวัดออกมาได้ กลไกที่สามารถวัดผลได้เป็นหน่วยวัดได้ ในส่วนนี้จะเกิดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ได้รับประโยชน์ คือ กลุ่มคนที่จะได้ผลผลิตต่อไป
ผลลัพธ์ (Outcome) คือสิ่งที่เกิดจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับผลผลิตจากโครงการและเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
ผลกระทบ (Impact) คือกลไกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ และส่งผลกระทบในวงกว้าง เกิดพลัง เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลา 3-5 ปี
เส้นแห่งเวลาการเปลี่ยนแปลง (Adoption Study)
Adoption Study เป็นการคาดการณ์การยอมรับแนวคิด โครงการ หรือเทคโนโลยีที่เกิดจากการทำงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลง (Change) จากผลลัพธ์ (Outcome) โดยพิจารณารวมผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็น S-Shape Curve หมายความว่า คนที่จะยอมรับเทคโนโลยีในช่วงต้นจะมีอยู่น้อยแต่หลังจากนั้นจะเกิดการยอมรับเทคโนโลยีในวงกว้างอย่างรวดเร็วในภายหลัง และเมื่อระยะหนึ่งก็จะมีอัตราการลดลงของประสิทธิภาพของโครงการจนถึงวันสิ้นสุดของผลประโยชน์ของเทคโนโลยี (Drop Off) รวมถึงช่วงเวลาของการสิ้นสุดการยอมรับ (Disadoption) นั่นหมายความว่า ไม่มีโครงการไหนบนโลกนี้ จะอยู่ยืนยงตลอดกาล ต้องมีวันสิ้นสุด
การวิเคราะห์กรณีฐาน (Base Case Scenario)
Base Case Scenario มีบทบาทสำคัญในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ของโครงการกับสถานการณ์ที่ไม่มีโครงการ เพื่อแยกแยะผลกระทบที่เกิดจากโครงการออกจากปัจจัยภายนอกหรือการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการประเมินผลลัพธ์เกินจริง โดยผลลัพธ์หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
- ผลจากปัจจัยอื่น ๆ (Attribution) คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานหน่วยงานหรือโครงการอื่น ๆ ที่ร่วมส่งผลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
- ผลลัพธ์ส่วนเกิน (Deadweight) คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ แม้ไม่มีองค์กรไหนมาทำโครงการ
- ผลลัพธ์ทดแทน (Displacement) คือผลลัพธ์ที่เกิดเชิงบวกกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มหนึ่งแต่ส่งผลกระทบเชิงลบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกกลุ่มหนึ่ง
- อัตราถดถอยลดลง (Drop off) คือระยะเวลาที่ผลลัพธ์และผลกระทบเกิดขึ้นจากการทำโครงการโดยจะใช้แค่กรณี Ex-ante Evaluation เท่านั้น โดยจะเป็นการกำหนดระยะเวลาของการลดลงของประสิทธิภาพของโครงการ (Drop off) จนถึงวันสิ้นสุดของผลประโยชน์ของเทคโนโลยี หรือช่วงเวลาของการสิ้นสุดของการยอมรับ (Dis-adoption) ด้วย
สมการการประเมินผลกระทบต่อสังคม Social Impact Assessment (SIA)
จะต้องคิดแค่ “ผลกระทบ (คุณค่า) ที่เกิดจากโครงการที่แท้จริง”
SIA = Outcomes + Impacts – Base Case Scenario
นั่นหมายถึง
การประเมินผลกระทบต่อสังคม Social Impact Assessment (SIA) = ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากโครงการหรือกิจกรรม ซึ่งสามารถเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบก็ได้ + การเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและยั่งยืน ซึ่งเกิดขึ้นจากผลลัพธ์ของโครงการในระยะยาว – สถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากไม่มีโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ เกิดขึ้น
ตัวชี้วัด (Indicator)
คือ สิ่งที่ใช้ชี้วัดผลลัพธ์ (Outcome) จากทำโครงการวิจัยทางสังคมโดยจะแปลงให้ออกมาเป็นตัวเลขต่าง ๆ เพื่อให้สามารถนำไปเก็บข้อมูลและนำมาคิดในสมการ SIA/SROI ต่อไปได้ เช่น
ผลลัพธ์ (Outcome) | ตัวชี้วัด (Indicator) |
สุขภาพของคนในชุมชนดีขึ้น | -จำนวนผู้ป่วยที่มาหาหมอในโรงพยาบาล -ปริมาณสารเคมีในเลือด |
สมาชิกในชุมชนร่วมมือดีขึ้นเกิดความสามัคคี | -เวลาที่สมาชิกใช้ประชุม/ทำกิจกรรมร่วมกัน |
ระบบนิเวศสมบูรณ์ขึ้น | -พื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับการฟื้นฟู -จำนวนและชนิดของพืชในป่า |
นักเรียนมีพฤติกรรมดีขึ้น | -จำนวนนร.ถูกพักการเรียนลดลง -จำนวนพฤติกรรมที่ดีเพิ่มขึ้น |
ชุมชนมีการจัดการขยะดีขึ้น | -จำนวนขยะที่นำไปจัดการตามวิธีกำหนด |
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินมูลค่าและความคุ้มค่าของโครงการหรือการลงทุนอื่น ๆ ที่แต่ละตัวมีความหมายและวิธีการคำนวณเฉพาะเจาะจง โดยเปรียบเทียบกับ SROI ดังนี้

อ้างอิง
- กิจกรรมการอบรมการประเมินผลกระทบและผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Impact Assessment and Social Return On Investment) โดย คุณ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเครื่องมือการประเมินผลตอบแทนทางสังคม (SROI TU) วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- กัมปนาท วิจิตรศรีกมล. (2564). การประเมินผลกระทบจากงานวิจัยและพัฒนา หลักการเบื้องต้นและแนวปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 1. https://are.eco.ku.ac.th/2019/wp-content/uploads/2021/10/การประเมินผลกระทบจากงานวิจัยและพัฒนา-ฉบั.pdf
- เศรษฐภูมิ บัวทอง. SIA & SROI เครื่องมือในการพัฒนางานวิจัย ที่สามารถใช้ประโยชน์และตอบโจทย์การพัฒนาชาติ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. http://plan.nrru.ac.th/wp-content/uploads/2024/01/SIA-_-SROI_Setthapoom.pdf