เทคนิคการจัดการเรียนการสอนตาม TPACK แบบง่าย ๆ

feather-calendarPosted on 3 กุมภาพันธ์ 2022 document Pedagogyคลังความรู้
แชร์

สาระจากกิจกรรม  Designing TPACK-OBE based course for the 21st Century

โดย รศ. ดร.ขจรศักดิ์ บัวระพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบการเรียนรู้เชิงรุก

และดร.จิรัฐิติกาล พิมพ์วิชัย บัวระพันธ์ นักวิจัยและผู้ช่วยวิทยากรสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้

เรียบเรียงโดย ทีม CELT

______________________________________________________________________

TPACK (Koehler, Mishra, Kereluik, shin & Graham, 2014) หรือTechnological Pedagogical Content Knowledge คือแนวคิดการบูรณาการที่ใช้ในการออกแบบวิธีสอน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการตั้งคำถามให้แก่ผู้สอนเวลาออกแบบ อาทิเช่น ผู้สอนจะสอนอะไร มีวิธีสอนอย่างไร ใช้เครื่องมืออะไร มีตัวอย่างประกอบอะไรบ้าง เป็นต้น

องค์ประกอบของ TPACK

TPACK เกิดจากองค์ประกอบ 3 ด้านที่มีความสัมพันธ์กัน และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ 6 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

1. ความรู้ด้านเทคโนโลยี (Technological Knowledge : TK) คือ ผู้สอนสามารถค้นหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสไตล์การสอนของตนเอง ผู้สอนสามารถใช้เครื่องมือในการกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นและสนุกกับการเรียนในระยะแรก หลังจากนั้นให้ผู้สอนเปลี่ยนแอปพลิเคชันอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย เนื่องด้วยแต่ละแอปพลิเคชันจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน

2. ความรู้ด้านเนื้อหา (Content Knowledge : CK) คือ สาระ ความรู้เนื้อหาองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดที่จะทำให้ผู้เรียนบรรลุได้ตามผลการเรียนรู้ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านเนื้อหาของผู้สอนเป็นอย่างมาก

3. ความรู้ด้านวิธีการสอน (Pedagogical Knowledge : PK) คือ ความรู้ด้านกระบวนการ วิธีสอน กลยุทธ์ในการถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้เรียนและวิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย

4. ความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อวิธีสอน (Technological Pedagogical Knowledge : TPK) ตัวอย่างเช่น การใช้ YouTube โดยผู้สอนจะต้องมีความรู้ด้านเทคนิควิธีสอนและการเรียนรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี

5. ความรู้ด้านเทคโนโลยีเพื่อเนื้อหา (Technological Content Knowledge : TCK) ตัวอย่างเช่น การใช้ Google โดยผู้สอนจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายและเหมาะสมกับเนื้อหา

6. ความรู้ด้านเนื้อหาผสานวิธีสอน (Pedagogical Content Knowledge : PCK) คือ ความรู้เกี่ยวกับการบูรณาการระหว่างความรู้ด้านเนื้อหากับความรู้ด้านการสอนในการสอนเนื้อหาเฉพาะเรื่องเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง (Shulman,1986)

การประยุกต์ใช้เทคนิคและวงจรการเรียนรู้ร่วมกับ TPACK

การออกแบบวิธีสอนสามารถนำ TPACK มาจับกับกรอบ/วงจรการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้เป็นวิถีหรือขั้นตอนในการสอนได้ อาทิ

1. เทคนิคการสอน POE ได้แก่

  • ขั้นทำนาย (Predict) คือ การสำรวจความรู้เดิม เพื่อให้ทราบพื้นฐานความรู้ของผู้เรียน
  • ขั้นสังเกต (Observe) คือ การลงมือปฏิบัติ ทดลอง เพื่อหาคำตอบจากสิ่งที่ได้ทำนายไว้
  • ขั้นอธิบาย (Explain) คือ การสร้างองค์ความรู้ผ่านการอธิบาย ให้นักศึกษาพยากรณ์ สังเกต และอธิบาย ฝึกสร้างความรู้จากการอธิบาย

2. Model C2G ประกอบด้วย การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning)  การเรียนรู้แบบเกม (Game Based Learning) และการเรียนรู้อย่างมีความหมายด้วยเทคนิคผังกราฟิก (Graphic Organizer) โดยทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม Bloom’s Taxonomy 6 ขั้น และผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้

3. Kolb’s Cycle เป็นการเรียนรู้ที่เน้นประสบการณ์ มี Cycle ดังนี้

  • รับประสบการณ์เชิงรูปธรรม (Concrete Experience)
  • สังเกตและเชื่อมโยงกับความรู้และประสบการณ์เดิม (Reflective Observation)
  • สร้างแนวคิดเชิงนามธรรม (Abstract Conceptualization)
  • ทดสอบแนวคิดใหม่ (Active Experimentation)

4. Roger Bybee 5E Learning Cycle

  • กระตุ้นความสนใจ (Engagement) เช่น การ Pretest ด้วยแอปพลิเคชัน Kahoot การเปิดคลิปวิดีโอข่าว ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาการสอน
  • สำรวจและค้นหา (Exploration)
  • อธิบายความรู้ (Explanation) ให้ผู้เรียนได้ฝึกอธิบาย
  • ขยายความเข้าใจ (Elaboration) เช่น ทำการบ้าน แบบฝึกหัด
  • ตรวจสอบผล (Evaluation) จากการทดลอง การอธิบาย

Tips ในการออกแบบการสอน

  1. ใช้ Bloom taxonomy ในการตั้ง Learning Outcome เพื่อบอกว่าเราเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ไปถึงระดับใด ได้แก่ จำ เข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ ประเมินค่า สร้าง
  2. การสอนแบบ Active learning ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ เกิดการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking) รู้คิด รู้ตัดสินใจด้วยตนเอง (Metacognition) สามารถทำงานกับผู้อื่นอย่างร่วมมือจนนำไปสู่ความสำเร็จ กล้าแสดงออก มีแรงจูงใจในการเรียนรู้ ผู้เรียนได้ใช้ความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาพหุปัญญา จนเกิดความคงทนในการเรียนรู้ จากการปฏิบัติจริง ซึ่งการเรียนรู้ในลักษณะนี้จะอยู่ในความจำระยะยาว (Long-term Memory)
  3. เลือกเครื่องมือให้เหมาะสม เน้นให้นักศึกษาได้จับสัมผัส และชวนให้นักศึกษาหาเหตุผลประกอบตามหลักการ
  4. มีกิจกรรมที่นำด้วยปัญหา (Creative Problem Base Learning) ให้ผู้เรียนหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
  5. มีคำถาม Check Misconception หรือ Alternative Conception นักเรียน แล้วนำผลมาวิเคราะห์ เพื่อปรับรูปแบบการสอนที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจได้ถูกต้องหรือเกิด Possible Misconception
  6. ใช้วงจร PT2R Plan-teach-Reflect-Revise สำหรับการพัฒนาการสอน

______________________________________________________________________

สาระจากกิจกรรม Designing TPACK-OBE based course for the 21st Century

โดย รศ. ดร.ขจรศักดิ์ บัวระพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบการเรียนรู้เชิงรุก

และดร.จิรัฐิติกาล พิมพ์วิชัย บัวระพันธ์ นักวิจัยและผู้ช่วยวิทยากรสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้

วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 เวลา: 13.30 – 16.30 น. ผ่าน Application ZOOM